สำหรับพิธีจัดมอบทุนการศึกษาบุตรพนักงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนต้นทุนด้านการศึกษาให้กับเยาวชน และส่งเสริมให้บุตรหลานของพนักงาน Sahathai Terminal มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และใส่ใจการศึกษา พร้อมเติบโตเป็นกำลังสำคัญสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม และประเทศชาติต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ปกครองในด้านอุปกรณ์การศึกษาและค่าเทอม โดยการจัดมอบทุนการศึกษาครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ นอกเหนือจากการจัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือฯ การออกบูธนำเสนอบริการด้านโลจิสติกส์และเน้นย้ำเป้าหมายในการส่งเสริมศักยภาพและความร่วมมือการต่อต้านการค้าสัตว์ป่า ตัวนิ่ม สัตว์ป่าอื่น และพันธุ์พืชที่ผิดกฏหมาย ยังมีการจัดสัมมนาพิเศษในประเด็นเกี่ยวกับกรอบกฏหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฏหมาย การขออนุญาตสำหรับการส่งออกและนำเข้าผ่านซึ่งสัตว์ป่าหรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าและพืชป่า และการตรวจสอบพัสดุที่ต้องสงสัย ซึ่งบรรยายโดยวิทยาการผู้ทรงคุณวุฒิจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชอีกด้วย

ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีลงนามดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Sahathai Terminal ในการดูแลเอาใจใส่ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวทางการประกอบกิจการด้วยความเป็นธรรม การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการร่วมพัฒนาชุมชนและสังคม สอดคล้องกับเป้าหมายในการส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน

บริษัท BTS เดินหน้าปฏิบัติการขนส่งสินค้าด้วยกองรถบรรทุกไฟฟ้าจำนวน 30 คัน ในการขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า ผ่านการปฏิบัติการขนส่งในรูปแบบ Connection fleet โดยทาง BTS จะรับตู้สินค้าจากท่าเรือสหไทยและใช้รถหัวลากไฟฟ้าบรรทุกตู้สินค้าในเส้นทางกรุงเทพ-แหลมฉบัง

การนำร่องปฏิบัติการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกไฟฟ้าในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของสหไทย เทอร์มินอล ด้านการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ผ่านแนวทางการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากนี้ สหไทย เทอร์มินอล ยังได้วางแผนการเพิ่มกองรถบรรทุกไฟฟ้าและติดตั้งสถานีชาร์จพลังงานสำหรับรถบรรทุกไฟฟ้าที่ท่าเทียบเรือสหไทยในอนาคต เพื่อขยายความครอบคลุมในการให้บริการแก่ลูกค้าบนพื้นฐานของความยั่งยืน ตอกย้ำถึงจุดยืนของบริษัทฯ ในการการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

โดยแต่ละบริการมีเส้นทาง ดังนี้

• บริการ SVT/SCT2

Bangkok (PAT) – Sahathai Terminal – Laem Chabang – Nansha – Shekou – Ho Chi Minh City (Cat Lai)  

• บริการ SCT

Bangkok (PAT) – Sahathai Terminal – Laem Chabang – Nansha – Shekou – Laem Chabang

สำหรับบริการทั้ง 2 เป็นปฏิบัติการในรูปแบบใหม่ (Double call) โดยเรือจะให้บริการเข้าเทียบท่าทั้งท่าเรือกรุงเทพ (PAT) และท่าเรือ Sahathai Terminal เพื่อเป็นโซลูชันทางเลือกสำหรับผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และเพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่ระวางเรือให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด

อนึ่ง การต้อนรับบริการใหม่ทั้งสองบริการของสายการเดินเรือชั้นนำในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและความพร้อมในการให้บริการของท่าเรือ Sahathai Terminal ที่ไม่เคยหยุดยั้ง รวมไปถึงการเดินหน้าพัฒนาด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือให้สามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าได้หลากหลาย นอกจากนี้ Sahathai Terminal ยังพร้อมนำเสนอบริการที่มีคุณภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตอบรับกับการเติบโตของตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับบริการ TMI ที่ได้รับการเปิดตัวใหม่นี้เป็นบริการขนส่งสินค้ารายสัปดาห์ ปฏิบัติการด้วยเรือ EVER CAST ขนาดพื้นที่ระวาง 1,809 ทีอียู เพื่อรองรับตลาดการบริโภคภายในประเทศของไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่กำลังเติบโตมากขึ้นรวมไปถึงปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น

สำหรับบริการ TMI มีเส้นทางดังต่อไปนี้

Sahathai Terminal – Laem Chabang – Tanjung Pelepas – Port Klang – Belawan – Tanjung Pelepas – Laem Chabang

ทั้งนี้ การได้เป็นหนึ่งในท่าเรือหลักของบริการ TMI สะท้อนให้เห็นว่า Sahathai Terminal เป็นท่าเรือแบบครบวงจรที่ได้รับความไว้ใจและมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้ง การกลับเข้ามาเทียบท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาของสายการเดินเรือ Evergreen ในครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณที่ดีของการขนส่งทางแม่น้ำของประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้น โดย Sahathai Terminal มุ่งมั่นยกระดับบริการท่าเทียบเรือ พร้อมทั้งมอบบริการที่เหนือมาตรฐาน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และผลักดันโลจิสติกส์ในเขตแม่น้ำเจ้าพระยาให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ

โดยภายในงาน คุณมินทร์ระวี โพธิ์ดี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ พร้อมกับ บริษัท Bangkok Trucking Service ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Sahathai Termainal เข้าร่วมงานประชุมในครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของสมาคมฯ ในรอบปี 2023 และเป็นการพบปะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการพัฒนาองค์กรระหว่างสมาชิกสมาคมผ่านการจัดสัมมนาพิเศษภายใต้หัวข้อ ‘โอกาส ความท้าทาย การขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกในยุค Next Normal และดิจิทัล’ รวมถึงเปิดโอกาสให้คณะกรรมการสมาคมฯ และแขกผู้มีเกียรติเข้าเยี่ยมชมบูธของผู้ประกอบการด้านการขนส่งที่เข้าร่วมงานครั้งนี้มากกว่า 70 บูธ โดยภายในงานครั้งนี้ Sahathai เป็นเพียงท่าเทียบเรือเพียงแห่งเดียวที่เข้าร่วมงาน

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในช่วงเย็น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของ TACBA และ 20 ปีของ IM-EX TA พร้อมทั้งจัดแสดงดนตรีสดและกิจกรรมจับฉลากของรางวัล เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้เข้าร่วมงาน

โดยภายในงาน ผู้บริหารของบริษัทสหไทย เทอร์มินอล ได้กล่าวต้อนรับคณะศึกษาดูงานพร้อมทั้งเปิดวิดิโอแนะนำท่าเรือสหไทยแก่ผู้เข้าร่วมงาน ก่อนที่คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ได้กล่าวโอวาทแก่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร

ในการศึกษาดูงานในครั้งนี้ คุณมินทร์ระวี โพธิ์ดี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล ได้รับหน้าที่เป็นวิทยากรในการบรรยายในหัวข้อ ‘กระบวนการนำเข้าส่งออกและการขนส่งระหว่างประเทศทางน้ำ’ เพื่อมอบความรู้ด้านกระบวนการในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ซึ่งอาจก่อประโยชน์แก่ผู้ศึกษาดูงานในอนาคต หลังจากนั้น ตัวแทนจากกรมศุลกากรได้ขึ้นไปบรรยายองค์ความรู้ เรื่อง ‘กระบวนการนำเข้าส่งออก’ ซึ่งช่วยให้คณะศึกษาดูงานเข้าใจถึงการดำเนินการในกระบวนการนำเข้าส่งออกสินค้าของประเทศไทยได้ชัดเจนมากขึ้น

นอกจากนี้ ในช่วงบ่าย ทางสหไทย เทอร์มินอล ได้เปิดโอกาสให้คณะศึกษาดูงานเข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติการในท่าเรือสหไทยทั้งหมด รวมถึงกระบวนการนำเข้าส่งออกของบริษัทฯ และกระบวนการผ่านพิธีศุลกากร ณ ท่าเรือสหไทย เพื่อให้คณะศึกษาดูงานได้สัมผัสถึงกระบวนการทำงานจากบุคลากรจริงๆ ภายในท่าเรือ

สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย (TACBA) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 จากการรวมตัวกันของตัวแทนออกของรับอนุญาตในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสริมความรู้ความสามารถของตัวแทนออกของและตัวแทนออกของรับอนุญาตให้มีความโปร่งใสและมีมาตรฐานระดับสากล สามารถมอบบริการแก่ผู้นำเข้า-ผู้ส่งออกได้อย่างรวดเร็วและฉับไว อีกทั้ง ยังมีหน้าที่หลักในการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐและผลักดันให้เกิดกฎระเบียบที่เอื้อต่อการนำเข้า-ส่งออกในประเทศ

สำหรับพิธีลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ทีมผู้บริหารของท่าเรือสหไทย เทอร์มินอล ให้การต้อนรับและกล่าวแนะนำเกี่ยวกับท่าเรือสหไทย โดยคุณอนันต์ ทินะพงศ์ นายกสมาคมฯ ได้เป็นผู้กล่าวแนะนำสมาคมแก่ผู้เข้าร่วมพิธี หลังจากนั้น คุณพงษ์พัฒน์ สัตยวินิจ อุปนายกสมาคมฯ จึงกล่าวรายงานถึงความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรในครั้งนี้ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ถึงผลิตภัณฑ์และบริการแก่สมาชิกสมาคมฯ อีกด้วย

โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทั้งสององค์กรได้มีจุดประสงค์ร่วมกันในการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมและโครงการอันเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกของสมาคมฯ ตลอดจนถึงประเทศชาติ โดยผ่านการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ประสานความร่วมมือในการส่งเสริมสนับสนุนทางวิชาการ รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันทางธุรกิจแก่สมาชิกของสมาคมฯ

ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการลงนามข้อตกลงร่วมกัน ทั้งสององค์กรมีการมอบของที่ระลึกและถ่ายภาพร่วมกันเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ของสมาคมฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต

คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO Global Logistics เปิดเผยว่า “สำหรับความร่วมมือกับ Sahathai Terminal ในครั้งนี้ เป็นการให้บริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิฉริยะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์และใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์ ภายในห้องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิ 0 -25 องศาเซลเซียส ซึ่งการใช้ระบบ Automation & Robot นี้จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการลดต้นทุนเรื่องการหาบุคลากรในระดับแรงงานที่นับวันจะหายากยิ่งขึ้น และยังทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการที่รวดเร็วและมีความแม่นยำและสนองตอบความต้องการของลูกค้า”

“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับ LEO ที่ได้ร่วมมือกับ Sahathai Terminal ด้วยจุดเด่นของบริษัทฯ ที่มีการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร สามารถให้บริการขนส่งสินค้าทั่วไปและสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนความพร้อมและรองรับการเติบโตต่อไปในอนาคตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”

โดย LEO มีแผนที่จะยื่นเรื่องขอการสนับสนุนการลงทุนจากทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และยังตั้งเป้าที่จะทำให้ Cold Chain Warehouse and Logistics Center แห่งนี้เป็นศูนย์โลจิสติกส์สีเขียวโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์และมีระบบการบริการจัดการที่สามารถช่วยลดโลกร้อน (Carbon Emission) ได้อีกด้วย

โครงการ The 1^st  Intelligent & Robotic Cold Chain Bonded Warehouse and Logistics Center in Bangkok ตั้งอยู่ในบริเวณท่าเทียบเรือ สหไทยฯ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้งบการลงทุน 232 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่าทรัพย์สินตลอดระยะเวลาอายุสัญญา 72 ล้านบาท และเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการ 160 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างรายได้อย่างน้อย 800 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ

ด้าน คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sahathai Terminal เปิดเผยว่า “Sahathai Terminal มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของ LEO เพื่อยกระดับการให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ทั้งยังมีการนำเทคโลโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้าซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมาก”

โดยกิจกรรม Logitour ในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้สมาชิกของ Logizall ได้เข้าชมและศึกษาข้อมูลการดำเนินงานต่างๆ ของธุรกิจท่าเรือ ทั้งในส่วนของการบริการและกระบวนการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในกระบวนซัพพลายเชน รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดแรงบัลดาลใจใหม่ๆ ในการประกอบธุรกิจสำหรับสมาชิก ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้มีทั้งสมาชิกใหม่และสมาชิกปัจจุบันจาก Logizall ให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 29 คน

Logical เป็นแพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์ที่มีวัตถุประสงค์ในการเป็นศูนย์รวมของผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์หลากหลายประเภท โดยครอบคลุมทั้งสายการเดินเรือ สายการบิน ผู้ให้บริการรถบรรทุกขนส่งสินค้า บริษัทตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกสินค้า คลังสินค้า และอีกมากมาย ซึ่งLogical จะมีมาตรการในการคัดสรรสมาชิกที่มีความเป็นมืออาชีพและเชื่อถือได้ นอกจากนี้ยังให้บริการด้านการเงินสำหรับสมาชิกอีกด้วย