ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา สหไทย เทอร์มินอล ผู้ให้บริการท่าเรือแม่น้ำและขนส่งตู้สินค้าชั้นนำของไทย ได้ขยายบริการอย่างครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
จากเส้นทางการให้บริการที่มีมาอย่างยาวนาน สหไทย เทอร์มินอล เริ่มต้นจากการประกอบธุรกิจท่าเทียบเรือบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการให้บริการรองรับเรือขนส่งนานาชาติและท่าเรือขนส่งภายในประเทศ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายบริการและปฏิบัติการต่างๆ ในท่าเรือได้อย่างครอบคลุม มีประสิทธิภาพ และครบวงจร โดยแบ่งเป็น 4 บริการหลัก ได้แก่ บริการท่าเรือและท่าเทียบเรือ บริการการขนส่งสินค้าทางบก บริการพื้นที่จัดเก็บตู้สินค้าและคลังสินค้า และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า
ทั้งนี้ เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา สหไทย เทอร์มินอล ได้ก้าวสู่อีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญ ด้วยการดำเนินการยื่นเอกสารเพื่อเสนอขายหุ้นทั่วไป (IPO) เพื่อระดมทุนในการขยายและต่อยอดธุรกิจ และในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ก็ได้รับอนุมัติให้สามารถขายหุ้นได้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเงินทุนมาใช้หมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และขยายโครงการต่างๆ ที่บริษัทวางแผนเอาไว้
Continuous Improvement Makes Us Stronger Every Year
ตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า สหไทย เทอร์มินอล ขยายและต่อยอดการบริการต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ไปพร้อมๆ กับเสริมสร้างความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพของบริการหลัก สหไทย เทอร์มินอล ผู้ให้บริการท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนปู่เจ้าสมิงพราย มีท่าเทียบเรือบาร์จ สำหรับการขนถ่ายสินค้าทางชายฝั่ง จำนวนสองท่า และท่าเรือฟีดเดอร์ สำหรับรองรับเรือขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศ จำนวนหนึ่งท่า โดยมีสามารถรองรับตู้สินค้าได้รวม 500,000 ทีอียูต่อปี และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำการลงทุนโดยสั่งซื้อเครื่องมือยกขนสินค้าใหม่ (quay crane) จำนวน 2 ตัว เพื่อยกระดับศักยภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม
คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ สหไทย เทอร์มินอล ได้ทำการสั่งซื้อและติดตั้งเครนหน้าท่าใหม่จำนวน 2 ตัว เพื่อเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบัน เรามีเครนหน้าท่าที่พร้อมให้บริการรวมทั้งหมด 4 ตัว มีความสามารถในการปฏิบัติการยกขนตู้สินค้าสูงสุดจากเดิม 50 moves per hour เป็น 75 moves per hour ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ ไม่เพียงส่งผลดีต่อท่าเรือของเรา ในแง่ความสามารถในการปฏิบัติงานที่ทั้งรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังประหยัดเวลาและเป็นประโยชน์ต่อสายการเดินเรือ ที่จะได้รับบริการยกขนตู้สินค้าที่รวดเร็วขึ้น ใช้ระยะเวลาในการอยู่ที่ท่าเรือน้อยลง ทำให้สินค้าถูกกระจายไปยังลูกค้าหรือส่งออกไปได้ไวขึ้นอีกด้วย ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะสามารถโหลดสินค้าได้เสร็จตามกำหนดเวลาที่วางไว้”
นอกจากความสะดวกและรวดเร็วในการปฏิบัติงานจากการติดตั้งเครนหน้าท่าตัวใหม่แล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนเครื่องเอ็กซเรย์ตู้สินค้า จากกรมศุลกากร เพื่อติดตั้งภายในท่าเรือ โดยเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้นำเข้าและผู้ส่งออก และช่วยถ่ายเทลดความแออัดของการจราจรที่ท่าเรือแหลมฉบังด้วย การติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ ทำให้สามารถตรวจสอบตู้สินค้าได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยสหไทย เทอร์มินอล ถือเป็นท่าเรือแม่น้ำเอกชนรายแรกในกรุงเทพฯ ที่ได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้สามารถติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ภายในท่าเรือได้”
การติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ภายในท่าเรือ นอกจากจะเป็นหนึ่งในบริการที่สหไทย เทอร์มินอล มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุมแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้นำเข้าและผู้ส่งออก ลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน และลดความเสี่ยงที่สินค้าจะได้รับความเสียหายหรือชำรุดอีกด้วย
ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาบริการจนสามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร ทำให้สหไทย เทอร์มินอล ได้เป็นท่าเรือส่งออกเบ็ดเสร็จ (final port of loading) ที่อำนวยความสะดวกลูกค้าอย่างแท้จริง คุณบัญชัย กล่าวว่า “ปัจจุบัน ท่าเรือของเราได้รับอนุมัติให้เป็นท่าเรือส่งออกเบ็ดเสร็จ โดยตู้สินค้าที่ผ่านพิธีศุลกากรที่ท่าเรือสหไทยจะได้รับการตรวจปล่อยที่ท่าเรือสหไทย และถือว่าจบกระบวนการส่งออกแล้ว ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไปถึงท่าเรือแหลมฉบังได้ นอกจากความรวดเร็วในกระบวนการทำงานต่างๆ เรายังใส่ใจถึงความปลอดภัยและความสะดวกในการให้บริการ สหไทย เทอร์มินอล จึงพัฒนาระบบชำระค่าบริการที่สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการใช้งานระบบ e-payment ซึ่งเปิดรับบัตรเครดิตในท่าเรือ โดยจากอดีตที่มีเพียงการชำระเงินสดเท่านั้น ตอนนี้เรามีอีกหนึ่งช่องทางให้กับผู้ใช้บริการได้เลือกชำระค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ และกำลังจะเริ่มให้บริการจ่ายชำระค่าบริการผ่านระบบ QR Code โดยให้ลูกค้าเพียงแค่สแกน QR Code ณ จุดบริการก็สามารถชำระเงินได้อย่างสะดวก”
แม้จะมีความครบวงจรในการให้บริการแล้ว ท่าเรือชั้นนำรายนี้ก็ไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้ เมื่อเร็วๆ นี้ สหไทย เทอร์มินอล ผ่านการประเมินและได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานในเรื่อง Customer and Trade Partnership Against Terrorism (C-TPAT) ซึ่งเป็นข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสากล โดยเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาความปลอดภัยของซัพพลายเชน ในการขนส่งสินค้าข้ามแดน ทั้งนี้ เมื่อท่าเรือได้รับการอนุญาตจาก C-TPAT ถือเป็นการได้รับการรับรองเรื่องการรักษาความปลอดภัยของผู้ประกอบการ และได้รับความสะดวกเมื่อขนส่งสินค้าผ่านด่านศุลกากรไปยังสหรัฐอเมริกา
A Full Range of Solutions
นอกเหนือจากธุรกิจหลักอย่างธุรกิจท่าเรือแล้ว สหไทย เทอร์มินอล ยังแตกหน่อและต่อยอดธุรกิจต่างๆ เพื่อเสริมสร้างการให้บริการอย่างครอบคลุม “เรามีการขยายธุรกิจในเครือเช่นกัน โดยธุรกิจต่างๆ ของเรา เรามีการแบ่งหน้าที่การดูแลให้มีความชัดเจน มีการตั้งคณะผู้บริหาร เพื่อให้บุคลากรสามารถขยายส่วนการทำงานและขยายหน้าที่การดูแลต่างๆ ไปได้ ทั้งบริษัท Bangkok Barge Terminal (BBT) ซึ่งเป็นบริษัทท่าเทียบเรือบาร์จ ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างสหไทย เทอร์มินอล และสายการเดินเรือ MOL ปัจจุบัน BBT ได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรในการให้บริการโรงพักสินค้าเพื่อตรวจปล่อยของขาเข้า และบรรจุของขาออก ที่ขนส่งโดยระบบตู้คอนเทนเนอร์ นอกเขตท่าหรือที่นำของเข้าหรือส่งของออก (รพท.) หรือ Inland Container Depot (ICD) แห่งแรกของท่าเรือเอกชนแม่น้ำ อำนวยความสะดวกในการขนถ่ายตู้สินค้าด้วยเรือขนส่งสินค้าทางเรือบาร์จและการขนส่งทางรถบรรทุกได้ และยังได้รับใบอนุญาตตั้งด่านอาหารและยา และสินค้าเภสัชเคมีภัณฑ์ในท่าเรือ จากกระทรวงสาธารณสุข และเมื่อเร็วๆ นี้ สหไทย เทอร์มินอล และ BBT ได้ลงนามสัญญาร่วมกับสายการเดินเรือรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง ONE ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างสายการเดินเรือ MOL, NYK และ “K” Line เพื่อให้บริการท่าเรือและบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเป้าหมายในปีนี้ของ BBT คือการทำให้ท่าเรือสามารถใช้พื้นที่และการปฏิบัติการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และการร่วมลงนามสัญญากับสายการเดินเรือ ONE ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันธุรกิจนี้ให้ก้าวต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งและสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้”
นอกเหนือจากบริการท่าเทียบเรือแล้ว บริษัทฯ ยังมีธุรกิจในเครือที่ให้บริการเรือบาร์จ บริการขนส่งสินค้าทางบก และการให้บริการพื้นที่จัดเก็บลานตู้สินค้าเปล่าอีกด้วย “เพื่อความครบวงจรในการให้บริการ นอกจากเราให้บริการท่าเทียบเรือบาร์จแล้ว ยังให้บริการเรือบาร์จอีกด้วย โดยเรามีบริษัท Bangkok Barge Service (BBS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Medlog โดยปัจจุบัน BBS มีเรือทั้งหมด 17 ลำ โดยเป็นเรือที่เช่ามาเพื่อให้บริการจำนวน 15 ลำ และเรือของเราเองจำนวน 2 ลำ”
บริษัทในเครือบริษัทที่สาม ถัดจาก BBT และ BBS คือ บริษัท Bangkok Container Depot Service (BCDS) “สำหรับ BCDS เป็นบริษัทที่ให้บริการซ่อมบำรุงและทำความสะอาดตู้สินค้า ซึ่งเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2017 โดยมีมูลค่าโครงการรวมราว 560 ล้านบาท โดย BCDS ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับท่าเรือสหไทย เทอร์มินอล และ BBT ซึ่งเราได้เปิดให้บริการในเฟต 1 แล้วตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา และคาดว่าการก่อสร้างส่วนที่เหลือจะแล้วเสร็จภายในปีนี้จะสามารถให้บริการได้เต็มรูปแบบไม่เกินช่วงต้นปีหน้า การให้บริการของ BCDS จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับการให้บริการซ่อมบำรุงและทำความสะอาดตู้สินค้า เนื่องจากเนื้อที่ของ BCDS มีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ให้บริการเดิมที่ สหไทย เทอร์มินอล ถึงเท่าตัว ซึ่งช่วยรองรับปริมาณการให้บริการเพิ่มขึ้นเท่าตัว นอกจากนี้ การย้ายกิจกรรมการบริการซ่อมบำรุงและทำความสะอาดตู้สินค้าออกจาก สหไทย เทอร์มินอล ยังช่วยให้การดำเนินงานหลังท่าของสหไทยทำได้ดีขึ้น และบริษัทในเครือบริษัทที่สี่คือ บริษัท Bangkok Trucking Service (BTS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งทางบก โดยเน้นการให้บริการรถหัวลากทางบก”
ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้สหไทย เทอร์มินอล ก้าวหน้า พัฒนา และเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนสามารถขยายบริการได้อย่างครอบคลุมก็คือ ความมุ่งมั่นพัฒนาและความใส่ใจในการให้บริการลูกค้า คุณบัญชัย กล่าวว่า “เราใส่ใจในความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เรามองลูกค้าเป็นอันดับแรกและให้ความสำคัญกับลูกค้าสูงสุด เราพยายามคิด วางแผน และสนับสนุนการทำงานของลูกค้า ให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว เพื่อให้การทำงานของลูกค้าง่าย และจากความใส่ใจดังกล่าวทำให้เราขยายบริการเสริมต่างๆ ได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการขนถ่ายสินค้า บริการคลังสินค้าทั่วไปและสินค้าปลอดอากร บริการลานตู้สินค้าเปล่า บริการขนส่งทางบก บริการซ่อมบำรุงและทำความสะอาดตู้สินค้า ทำให้เราสามารถดูแลลูกค้าได้ทุกขั้นตอน สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณคือ ผู้ใช้บริการที่เชื่อมั่นในบริการและธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความตั้งใจของพนักงานของเราด้วยที่ร่วมกันให้บริการอย่างดีมาเสมอ ทำให้เกิดการพัฒนาบริการและเพิ่มศักยภาพการขนส่งให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
เกี่ยวกับสหไทย เทอร์มินอล
สหไทย เทอร์มินอล เป็นบริษัทเอกชนที่เริ่มเปิดดำเนินกิจการครั้งแรก เมื่อปี 2550 โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ในการปฏิบัติการรวมมากกว่า 168,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ซ่อมบำรุงตู้สินค้า สำนักงานศุลกากรภายในท่าเรือ และมีเครื่องมือประจำท่าเรือเพื่อใช้ในการยกขนสินค้าอย่างครบวงจร พร้อมบุคลากรที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ และด้วยทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของสหไทย เทอร์มินอล ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสะพานภูมิพลและถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทำให้ลูกค้าสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวมถึงบริการครบวงจรที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดบริการของสหไทย ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ +66 (0) 2386 8000 หรือ e-mail: [email protected]