บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ ‘PORT’ ผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย เตรียมระดมทุนในตลาด MAI ชูจุดแข็งโลเคชั่นดี มีความพร้อมด้านการให้บริการและมีความแข็งแกร่งด้านพันธมิตรจากการร่วมทุนกับ 2 สายการเดินเรือใหญ่ระดับโลก พร้อมขยายกิจการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร รองรับการส่งออกเติบโตสูง และ อุตสาหกรรมขยายตัวแรงตามยุทธศาสตร์ EEC

คุณเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย ให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์สำหรับทั้งเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (feeder) และเรือขนส่งชายฝั่ง (barge) โดยท่าเรือของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในทำเลที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของธุรกิจโลจิสติกส์ของประเทศ ในอำเภอปู่เจ้าสมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ ปัจจุบัน บริษัทฯ ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ 1. ธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจร สำหรับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (feeder) และเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง (barge) รวมถึงให้บริการบรรจุสินค้าเข้า และถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) และ ซ่อมแซมทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) 2. ธุรกิจการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ภายในบริเวณจังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และบริเวณเขตพื้นที่แหลมฉบัง 3. ธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า โดยให้บริการพื้นที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์และคลังจัดเก็บสินค้ากับลูกค้า ทั้งที่เป็นเขตให้บริการปกติและปลอดภาษีอากร (Free Zone) ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ ให้บริการแก่ กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก กลุ่มธุรกิจ e-commerce และอีกหลากหลายอุตสาหกรรม 4. ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวเนื่องอื่นๆ อาทิ การให้บริการ Freight Forwarding เป็นต้น”

คุณเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน)

คุณเสาวคุณ กล่าวเสริมว่า “ทั้งนี้ในปี 2015 บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับสายการเดินเรือรายใหญ่ของญี่ปุ่น Mitsui O.S.K. Lines (MOL) เพื่อจัดตั้งบริษัทฯ ร่วมทุนชื่อ บริษัท บางกอก บาร์จ เทอร์มินอล จำกัด (BBT) โดยในเดือนกรกฎาคมปี 2017 ที่ผ่านมา BBT ได้รับใบอนุญาต ICD (Inland Container Depot) ทางน้ำแห่งแรกของไทยจากกรมศุลกากรทำให้สามารถดำเนินการสินค้าขาเข้าได้ นอกจากนี้ในปี 2016 บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับ สายการเดินเรือ Mediterranean Shipping Company (MSC) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสายการเดินเรือรายใหญ่ของโลก ภายใต้ชื่อบริษัท บางกอก บาร์จ เซอร์วิส จำกัด (BBS) เพื่อให้บริการบริหารจัดการเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง จึงมั่นใจว่าบริการ ท่าเรือของ PORT มีมาตรฐานระดับโลก ด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพียบพร้อม และมีบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการขยายการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของการลงทุนโดยภาครัฐสำหรับโครงการ EEC และ Mega Projects ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการส่งออกและนำเข้าสินค้าของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในงวดปี 2016 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้รวม 841 ล้านบาทในปี 2015 และรายได้รวม 830 ล้านบาทในปี 2014 โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากการให้บริการคลังสินค้าเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาทในปี 2016 เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 25 ล้านบาทในปี 2015 และจากกำไรสุทธิ 36 ล้านบาทในปี 2014″

คุณเสาวคุณ ครุจิตร และคุณบัญชัย ครุจิตร

“ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 644 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้ 480 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 35 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงเนื่องจาก บริษัท บางกอก บาร์จ เทอมินอล จำกัด (BBT) มีผลประกอบการขาดทุนจากการที่เพิ่งเริ่มดำเนินงานปลายปีก่อน และยังไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน ภายหลังจากที่ BBT ได้รับใบอนุญาติ ICD แล้วนั้น ทำให้มีจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่ผ่านท่าเรือเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของ BBT จะปรับตัวดีขึ้นต่อไป บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 230 ล้านบาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 170 ล้านบาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท)”

คุณมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า การเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปของ ‘PORT’ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากธุรกิจท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ในขณะที่มีคู่แข่งน้อยราย เนื่องจากมีอุปสรรคในการเข้ามาในอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง จากการที่พื้นที่ที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นท่าเรือมีค่อนข้างจำกัด ประกอบกับ บริษัทฯ มีทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญในธุรกิจ มีการลงทุนในเทคโนโลยี อุปกรณ์ระดับสูง และ ยังมีพันธมิตรเป็นสายการเดินเรือระดับโลกถึง 2 ราย จึงมีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ เราได้วางแผนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) จำนวน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.09% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้น ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจำนวน 6 ล้านหุ้น จะถูกจัดสรรให้กับกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของ บริษัทฯ ที่ราคาเสนอขายหุ้น IPO โดยหลังจากการระดมทุนแล้ว PORT มีแผนจะนำเงินที่ได้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืม และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังการสำรองกำไรสะสมตามที่กฎหมายกำหนดและเงื่อนไขอื่นๆ ตามนโยบายของบริษัทฯ”

เกี่ยวกับสหไทย เทอร์มินอล

สหไทย เทอร์มินอล เป็นบริษัทเอกชนที่เริ่มเปิดดำเนินกิจการครั้งแรก เมื่อปี 2550 โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ในการปฏิบัติการรวมมากกว่า 168,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ซ่อมบำรุงตู้สินค้า สำนักงานศุลกากรภายในท่าเรือ และมีเครื่องมือประจำท่าเรือเพื่อใช้ในการยกขนสินค้าอย่างครบวงจร พร้อมบุคลากรที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ และด้วยทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของสหไทย เทอร์มินอล ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสะพานภูมิพลและถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทำให้ลูกค้าสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวมถึงบริการครบวงจรที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดบริการของสหไทย ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ +66 (0) 2386 8000 หรือ e-mail: [email protected]