เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจท่าเทียบเรือเอกชนเชิงพาณิชย์ ได้ประกาศแผนธุรกิจปี 2018 เตรียมขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เจรจาลูกค้าสายเรือรายใหม่ เสริมฐานธุรกิจ โดยคาดว่าธุรกิจจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
คุณเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า “ปี 2018 บริษัทฯ วางกลยุทธ์ สร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการเจรจาเพิ่มลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นสายการเดินเรือระดับโลกมาใช้บริการของท่าเรือสหไทยแบบครบวงจร ตั้งแต่บริการท่าเทียบเรือและขนถ่ายตู้สินค้า บริการซ่อมบำรุงตู้สินค้า บริการขนส่งตู้สินค้าทางบกและทางน้ำ และบริการคลังสินค้า ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่าง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วนมากกว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีลูกค้าสายการเดินเรือระดับโลก อาทิ เช่น MAERSK, MOL, Hyundai และ MSC โดยมีสินค้าส่งออก อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร เคมีภัณฑ์ และเหล็ก ส่วนสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอะไหล่รถยนต์ เคมีภัณฑ์ กระเบื้อง ผลิตภัณฑ์อาหาร และเหล็ก เป็นต้น”
“ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปริมาณการนำเข้าและส่งออกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจากการสนับสนุนการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของภาครัฐในโครงการ EEC และการลงทุนในภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เรายังได้รับความสนใจจากลูกค้าและสายการเดินเรือระดับโลกหลายแห่ง เนื่องจากจุดแข็งด้านการขนส่งตู้สินค้าทางเรือที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถหรือรถไฟ อีกทั้งท่าเรือของบริษัทฯตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของโลจิสติกส์ ตลอดจนการให้บริการที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจรในที่เดียว และมาตรฐานการให้บริการระดับสากล โดยเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ยังได้รับเครื่อง Mobile X-Ray จากกรมศุลกากร มาประจำที่ท่าเรือเพื่อให้บริการอำนวยความสะดวกแก่ผู้นำเข้าและส่งออกอีกด้วย ซึ่งสามารถช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าได้อย่างมาก”
โดย สหไทย เทอร์มินอล มีแผนลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาท ในช่วงปี 2018 – 2019 เพื่อขยายโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บตู้สินค้า (Container Depot) ผ่านบริษัทย่อย BCDS เพื่อขยายความสามารถในการรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น และเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการ
นอกจากนี้ บริษัท บางกอก บาร์จ เทอร์มินอล (BBT) ซึ่งเป็นบริษัทที่ สหไทย เทอร์มินอล ได้ร่วมทุนกับสายการเดินเรือรายใหญ่ของญี่ปุ่น คือ Mitsui O.S.K. Lines (MOL) มีพัฒนาการและการเติบโตที่ดี และคาดว่าจะมีปริมาณตู้สินค้าเข้ามาใช้บริการผ่านระดับจุดคุ้มทุนได้ภายในไม่ช้านี้
สหไทย เทอร์มินอล ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือและขนถ่ายตู้สินค้า และบริการโลจิสติกส์เอกชนครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์สำหรับทั้งเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (feeder) และเรือขนส่งภายในประเทศทางชายฝั่ง (barge) รวมไปถึงการให้บริการขนส่งตู้สินค้าภายในประเทศทั้งทางบกและทางน้ำ พื้นที่จัดเก็บตู้สินค้า คลังสินค้า และธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ด้านผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2017 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 986 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ/1 39 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปี 2016 ที่ บริษัทฯ มีรายได้ 753 ล้านบาทและกำไรสุทธิ/1 54 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงเนื่องจาก บริษัท บางกอก บาร์จ เทอร์มินอล จำกัด (BBT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยเป็นท่าเรือแม่น้ำที่ได้รับใบรับรอง ICD แห่งแรกของประเทศไทย มีผลประกอบการขาดทุนเนื่องจากเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2016 และยังมีปริมาณตู้สินค้าที่เข้ามาใช้บริการไม่ถึงจุดคุ้มในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ถ้าดูเฉพาะงบการเงินเฉพาะของ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2017 บริษัทฯมีกำไรรวม 61 ล้านบาท
เกี่ยวกับสหไทย เทอร์มินอล
สหไทย เทอร์มินอล เป็นบริษัทเอกชนที่เริ่มเปิดดำเนินกิจการครั้งแรก เมื่อปี 2550 โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ในการปฏิบัติการรวมมากกว่า 168,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ซ่อมบำรุงตู้สินค้า สำนักงานศุลกากรภายในท่าเรือ และมีเครื่องมือประจำท่าเรือเพื่อใช้ในการยกขนสินค้าอย่างครบวงจร พร้อมบุคลากรที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ และด้วยทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของสหไทย เทอร์มินอล ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสะพานภูมิพลและถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทำให้ลูกค้าสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวมถึงบริการครบวงจรที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดบริการของสหไทย ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ +66 (0) 2386 8000 หรือ e-mail: [email protected]